วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

คำถามท้ายหน่วย ที่ 1

1. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการสื่อสารโทรศัพท์แบบทั่วไปกับแบบ VoIP และบอกข้อดี ข้อเสียของระบบ VoIP 

ตอบ   VoIP คือการสื่อสารทางเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต
            ข้อดี      -ลดการใช้จ่าย                                           
                         -ตัวอุปกรณ์ PABX ส่วนกลาง                                                  
                         -การดูแลและจัดการระบบ                                        
                         -เพิ่มความยืดหยุนในการติดต่อสื่อสาร                     
                         -จัดการระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น                              
                         -รองรับการขยายตัวของระบบ                                    
                         -พัฒนาร่วมกับการสื่อสารไร้สาย

            ข้อเสีย  -มีปัจจัยด้านไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง

                         -หัวเครื่องโทรศัพท์ 
                         -อุปกรณ์กระจายสัญญาเครือข่าย 
                         -หัวเครื่องราคาสูงกว่า analog-หากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตล้มโทรศัพท์ก็ล้มไปด้วย

2.จงอธิบายความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ตอบ    กลุ่มของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ที่นำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถ ติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันในเครือข่ายได้ เช่น
เครือข่ายโทรศัพท์ เครือข่ายดาวเทียม เครือข่ายวิทยุ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์

3.จงบอกประโยชน์ของระบบเครือข่าย

ตอบ
          – สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
          – สามารถแชร์ซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ได้ เช่น เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
          – สามารถรวมการจัดการไว้ในเครื่องที่เป็น server
          – สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์(e-mail) เพื่อติดต่อผู้ที่อยู่ไกลกันได้อย่างรวดเร็ว
          – การสนทนาผ่านเครือข่าย(chat)
          – การประชุมทางไกล(video conference)
          – ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์จำนวนมาก เนื่องจากใช้ร่วมกันได้

4.เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

ตอบ  4 ประเภท คือ   1. เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน ( Personal Area Network: PAN )
                                  2. เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน ( Local Area Network: LAN )
                                  3. เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network: MAN)
                                  4. เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน (Wide Area Network: WAN)

5.จงสรุปหลักการทำงานของแต่ล่ะลำดับขั้นแบบจำลอง OSI

ตอบ    Application layer 
              เลเยอร์นี้เป็นส่วนการสื่อสารได้รับการระบุ
            Presentation layer
              เลเยอร์นี้ เป็นส่วนของระบบปฏิบัติการที่แปลงข้อมูลนำเข้า และส่งออก
            Session layer
              เลเยอร์นี้ ตั้งค่า ประสานงาน แลกเปลี่ยน และหยุดการสนทนา โต้ตอบระหว่างโปรแกรมประยุกต์
            Transport layer
              เลเยอร์นี้ จัดการตัวควบคุม end-to-end
            Network layer
               เลเยอร์นี้ดูแลเส้นทางของข้อมูล ส่งให้ถูกทิศทางไปยังปลายทางที่ถูกต้อง
            Data-link layer
               เลเยอร์นี้ให้การ synchronization สำหรับระดับกายภาค และทำ bit-stuffing
            Physical layer
              เลเยอร์นี้ส่งผ่าน bit system ผ่านเครือข่ายที่ระดับไฟฟ้าและกลไก

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

บทที่1 เครือข่ายการสื่อสาร



เครือข่ายการสื่อสา


เครือข่าย หมายถึง.....

       กลุ่มของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารชนิดต่าง ๆ ที่นำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันในเครือข่ายได้ ตัวอย่างของเครือข่ายที่เราคุ้นเคย ได้แก่ เครือข่ายของโทรศัพท์ เครือข่ายดาวเทียม เครือข่ายวิทยุ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยช่องทางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน เรียกว่า ช่องสัญญาณ(communication channel)



เครืข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามพื้นที่ที่ครอบคลุมการใช้งานของเครือข่ายดังนี้

1. เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน ( Personal Area Network: PAN )
       เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อพีดีเอกับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งการเชื่อมต่อแบบนี้จะอยู่ในระยะใกล้ และมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย



2. เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน ( Local Area Network: LAN )
       ป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน และภายในอาคาร สำหรับการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจเรียกเครือข่ายประเภทนี้ว่า เครือข่ายที่พักอาศัย ( home network ) โดยอาจเป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่อง หรือมากกว่า



3. เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network: MAN)
      เป็นเครือข่ายที่ใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป เช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน การเชื่อมต่อเครือข่ายชนิดนี้อาจใช้สายไฟเบอร์ออพติก หรือบางครั้งอาจใช้ไมโครเวฟเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบนี้ใช้ในสถานศึกษามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส ( Campus Area Network: CAN )



4. เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน (Wide Area Network: WAN)
      เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระยะไกล ซึ่งมีอยู่ทั่วโลกเข้าด้วยกัน โดยอุปกรณ์แปลงสัญญาณ เช่น โมเด็ม ช่วยในการติดต่อสื่อสารหรือสามารถนำเครือข่ายท้องถิ่นมาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายระยะไกล เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เครือข่ายระบบธนาคารทั่วโลก หรือเครือข่ายของสายการบิน เป็นต้น




VoIP คืออะไร.....

       VoIP ย่อมาจาก Voice over Internet Protocol คือการสื่อสารทางเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับการโทรศัพท์ผ่านทางเครือข่าย Internet  ซึ่งมีข้อดีอันดับแรก ๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ  ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโทรได้ ไม่ว่าจะเป็นการโทรภายในประเทศ  หรือการโทรระหว่างประเทศก็ตาม เพราะการโทรศัพท์ผ่านทางระบบ Internet นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานผ่านทางชุมสายโทรศัพท์  ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายของส่วนที่ให้บริการด้วย 



การใช้เทคโนโลยี VoIP รูปแบบต่าง

       1. คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไปยัง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ( PC to PC )
       2. คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไปยัง โทรศัพท์พื้นฐาน ( PC to Phone )
       3.จากเครื่องโทรศัพท์สู่เครื่องคอมพิวเตอร์ (Phone-to-PC)
       4. โทรศัพท์กับโทรศัพท์ ( Telephony )


















ส่วนประกอบของระบบสื่อสารข้อมูล


การสื่อสารข้อมูลมีองค์ประกอบ 5 อย่างคือ.....


1. ผู้ส่ง (Sender) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการส่งข่าวสาร (Message) เป็นต้นทางของการสื่อสารข้อมูลมีหน้า     ที่เตรียมสร้างข้อมูล เช่น ผู้พูด โทรทัศน์ กล้องวิดีโอ เป็นต้น

2. ผู้รับ (Receiver) เป็นปลายทางการสื่อสาร มีหน้าที่รับข้อมูลที่ส่งมาให้ เช่น ผู้ฟัง เครื่องรับโทรทัศน์เครื่องพิมพ์ เป็นต้น

3. สื่อกลาง (Medium) หรือตัวกลาง เป็นเส้นทางการสื่อสารเพื่อนำข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง  สื่อส่งข้อมูลอาจเป็นสายคู่บิดเกลียว สายโคแอกเชียล สายใยแก้วนำแสง หรือคลื่นที่ส่งผ่านทางอากาศเช่น เลเซอร์ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุภาคพื้นดิน หรือคลื่นวิทยุผ่านดาวเทียม

4. ข้อมูลข่าวสาร (Message) คือสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผ่านไปในระบบสื่อสาร ซึ่งอาจถูกเรียกว่า  สารสนเทศ (Information) โดยแบ่งเป็น 5รูปแบบ ดังนี้
       4.1 ข้อความ (Text) ใช้แทนตัวอักขระต่าง ๆ ซึ่งจะแทนด้วยรหัสต่าง ๆ เช่น รหัสแอสกี เป็นต้น
       4.2 ตัวเลข (Number) ใช้แทนตัวเลขต่าง ๆ ซึ่งตัวเลขไม่ได้ถูกแทนด้วยรหัสแอสกีแต่จะถูกแปลงเป็นเลขฐานสองโดยตรง
       4.3 รูปภาพ (Images) ข้อมูลของรูปภาพจะแทนด้วยจุดสีเรียงกันไปตามขนาดของรูปภาพ
       4.4 เสียง (Audio) ข้อมูลเสียงจะแตกต่างจากข้อความ ตัวเลข และรูปภาพเพราะข้อมูลเสียงจะเป็น สัญญาณต่อเนื่องกันไป
       4.5 วิดีโอ (Video) ใช้แสดงภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเกิดจากการรวมกันของรูปภาพหลาย ๆ รูป

5. โปรโตคอล (Protocol) คือ วิธีการหรือกฎระเบียบที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลเพื่อให้ผู้รับและผู้ส่งสามารถเข้าใจกันหรือคุยกันรู้เรื่อง โดยทั้งสองฝั่งทั้งผู้รับและผู้ส่งได้ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ในคอมพิวเตอร์โปรโตคอลอยู่ในส่วนของซอฟต์แวร์ที่มีหน้าที่ทำให้การดำเนินงาน ในการสื่อสารข้อมูลเป็นไปตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น X.25, SDLC, HDLC, และ TCP/IP เป็นต้น


ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

     – สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
     – สามารถแชร์ซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ได้ เช่น เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
     – สามารถรวมการจัดการไว้ในเครื่องที่เป็น server
     – สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์(e-mail) เพื่อติดต่อผู้ที่อยู่ไกลกันได้อย่างรวดเร็ว
     – การสนทนาผ่านเครือข่าย(chat)
     – การประชุมทางไกล(video conference)
     – ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์จำนวนมาก เนื่องจากใช้ร่วมกันได้

แบบจำลอง osi คืออะไร.....

     เป็นรูปแบบความคิดที่พรรณนาถึงคุณสมบัติพิเศษและมาตรฐานการทำงานภายในของระบบการสื่อสารโดยแบ่งเป็นชั้นนามธรรม และโพรโทคอลของระบบคอมพิวเตอร์ พัฒนาขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) สามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น แบบจำลองอ้างอิงกำหนดเป็น 7 เลเยอร์ ของการทำงานที่เกิดขึ้นที่ จุดปลายของการสื่อสาร ถึงแม้ว่า OSI จะไม่เข้มงวดใน ด้านการรักษาความสัมพันธ์ กับฟังก์ชันอื่นในเลเยอร์ที่กำหนด แต่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ในด้านโทรคมนาคมพยายาม ที่จะกำหนดตัวเองให้สัมพันธ์ กับแบบจำลอง OSI ซึ่งเป็นประโยชน์ในฐานะ การอ้างอิงแบบเดียว ในด้านการสื่อสาร มีผลทำให้ทุกคนมีบรรทัดเดียวกันในการศึกษาและแลกเปลี่ยน

การแบ่งชั้นในแบบจำลอง OSI

     โมเดลนี้ได้ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 7 ชั้น ตามลำดับจากบนลงล่าง ได้แก่



Application layer

   เลเยอร์นี้เป็นส่วนการสื่อสารได้รับการระบุ, คุณภาพการบริการมีการระบุ, user authentication และส่วนบุคคลได้รับการพิจารณา

Presentation layer

   เลเยอร์นี้ เป็นส่วนของระบบปฏิบัติการที่แปลงข้อมูลนำเข้า และส่งออกจากรูปแบบการนำเสนอไม่เป็นรูปแบบอื่น เช่น จากชุดข้อความ เป็น popup window กับ ข้อความที่มาถึงใหม่


Session layer

   เลเยอร์นี้ ตั้งค่า ประสานงาน แลกเปลี่ยน และหยุดการสนทนา โต้ตอบระหว่างโปรแกรมประยุกต์ที่แต่ละจุดปลาย ซึ่งเกี่ยวข้องถึง session และการประสานเชื่อมต่อ

Transport layer

   เลเยอร์นี้ จัดการตัวควบคุม end-to-end เช่น การหาว่าแพ็คเกตทั้งหมดมาถึงครบหรือไม่ และตรวจสอบความผิดพลาด เป็นการทำให้มั่นใจว่าการส่งผ่านข้อมูลสมบูรณ์


Network layer

   ลเยอร์นี้ดูแลเส้นทางของข้อมูล ส่งให้ถูกทิศทางไปยังปลายทางที่ถูกต้อง ขณะที่ส่งผ่านออกไป และการรับ เมื่อส่งผ่านเข้ามาที่ระดับแพ็คเกต network layer ทำงานด้านเส้นทางและการส่งต่อ


Data-link layer

   เลเยอร์นี้ให้การ synchronization สำหรับระดับกายภาค และทำ bit-stuffing สำหรับข้อความของ 1 มากกว่า 5 เปิดการรับรู้และจัดการโปรโตคอลการส่งผ่าน


Physical layer

   เลเยอร์นี้ส่งผ่าน bit system ผ่านเครือข่ายที่ระดับไฟฟ้าและกลไก เป็นการให้วิธีการกับฮาร์ดแวร์ในการส่งและรับข้อมูลบนตัวกลาง

หน่วยที่ 1 ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ

ระบบสารสนเทศ      ระบบสารสนเทศ (Information Systems) คือ กระบวนการรวบรวม บันทึก ประมวลผลข้อให้เป็นสารสนเทศ และแจกจ่ายสารสนเทศเพื่อใช้ใ...