วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บทที่ 2 ช่องทางการสื่อสารและส่วนประกอบของเครือข่าย

สื่อกลางส่งข้อมูลแบบใช้สาย

1. สายคู่บิดเกลียว

     สายคู่บิดเกลียวแต่ละประเภทจะมีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณแตกต่างกันออกไป
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.1 สายคู่บิดเกลียวแบบหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) 

เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยลวดถักชั้นนอกที่หนาอีกชั้น เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า นิยมนำมาใช้เป็นสายโทรศัพท์




ข้อดี

– ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่าแบบไม่หุ้มฉนวน
– ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นวิทยุ

ข้อเสีย

– มีขนาดใหญ่และไม่ค่อยยืดหยุ่นในการงอพับสายมากนัก
– ราคาแพงกว่าสาย แบบไม่หุ้มฉนวน

1.2 สายคู่บิดเกลียวแบบไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP)

เป็น สายคู่บิดเกลียวมีฉนวนชั้นนอกที่บางอีกชั้นทำให้สะดวกในการโค้งงอแต่ไม่สามารถป้องกันคลื่นรบกวนของแม่เหล็กได้ หรือป้องกันได้น้อย เพราะมีราคาต่ำ จึงนิยมใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือข่าย



ข้อดี

- ราคาถูก
- ติดตั้งง่ายเนื่องจากน้ำหนักเบา
- มีความยืดหยุ่น และสามารถโค้งงอได้มาก

ข้อเสีย

-ไม่เหมาะกับการเชื่อมต่อระยะไกล เพราะสัญญานจะถูกรบกวนและทำให้ช้าลง
(ความยาวไม่ควรเกิน 100 เมตร )


2. สายโคแอกเชียล (coaxial)

     สายโคแอกเชียลที่ใช้ทั่วไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทัล และชนิด 75 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูล สัญญาณแอนะล็อกสายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นที่หุ้มด้วยฉนวนชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันกระแสไฟรั่วจากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจากลวดทองแดงถักเป็นเปีย เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวนพลาสติกลวดทองแดงที่ถักเป็นเปียนี้เองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สายแบบนี้มีช่วงความถี่สัญญาณไฟฟ้าสามารถ ผ่านได้สูงมาก และนิยมใช้เป็นช่องสื่อสารสัญญาณแอนะล็อก เชื่องโยงผ่านใต้ทะเลและใต้ดิน

ข้อดี

-ราคาถูก
-มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
-ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา

ข้อเสีย

-ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย 
-ระยะทางจำกัด



3. เส้นใยแก้วนำแสง (Fiber Optic)

     เส้นใยแก้วนำแสงจะประกอบด้วยใยแก้วที่ทำมาจากแก้วซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงมาก เส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะเป็นเส้นยาวขนาดเล็ก มีขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์เรา เส้นใยแก้วนำแสงที่ดีต้องสามารถนำสัญญาณแสงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ โดยมีการสูญเสียของสัญญาณแสงน้อยมาก หรือบางทีก็ใช้พลาสติกอยู่ตรงกลางของสาย และใช้ใยแก้วอีกชนิดหนึ่งเป็น ตัวหุ้ม (cladding) และ หุ้มด้วยฉนวนในชั้นนอกสุด ซึ่งใยแก้วชั้นนอกจะทำหน้าที่เหมือนกระจกที่สะท้อนสัญญาณแสงให้สะท้อนไปมา ภายในใยแก้วที่เป็นแกนกลางจากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดปลายทาง สายใยแก้วจะมีแบนด์วิธที่กว้างมาก ทำให้สามารถส่งข้อมูลปริมาณมากได้ด้วยความเร็วสูงความเร็วในการส่งข้อมูล 1 Gbps ระยะทางในการส่งข้อมูล 20-30 mile(1ไมล์=1.609344) หรือประมาณ 1.61 กิโลเมตร เส้นใยแก้วนำแสงรองรับความถี่สัญญาณได้หลายร้อยเมกะเฮิรตซ์ และยังใช้ได้กับความยาวถึง 2000 เมตร


ข้อดี

-ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
-ไม่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า
-ส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก

ข้อเสีย

-มีราคาแพงกว่าสายส่งข้อมูลแบบสายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
-ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
-มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่า สายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล


สื่อกลางส่งข้อมูลแบบไร้สาย

1. คลื่นวิทยุ (Radio waves)

     คลื่นวิทยุหรือ เรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า คลื่นพาหะ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงความถี่วิทยุบนเส้นสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นวิทยุไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ใช้ในการสื่อสารมี 2 ระบบคือ A.M. และ F.M. คลื่นเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง ซึ่งมีคุณสมบัติกระจายไปได้เป็นระยะทางไกล ด้วยความเร็วเท่ากับแสงคือ 300 ล้านเมตรต่อวินาทีเครื่องส่งวิทยุจะทำหน้าที่สร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงหรือคลื่นวิทยุ (RF) ผสมกับคลื่นเสียง (Audio Frequency -AF) แล้วส่งกระจายออกไป คลื่นวิทยุมีช่วงความถี่อยู่ที่ 3 KHz - 1 GHz

ข้อดี

-สามารถส่งข้อมุลได้แบบไร้สายสร้างเครือข่ายได้ไกล

ข้อเสีย

-คลื่นวิทยุอาจถูกรบกวนได้
-แม่เหล็กไฟฟ้าและสภาพอากาศมีผลต่อคลื่นวิทยุ

2.คลื่นไมโครเวฟ (Microwave)

     มีช่วงความถี่ตั้งแต่ 1- 300 GHz เป็นช่วงความถี่ของคลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟ โดยคลื่นสามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศไปยังนอกโลกสำหรับช่วงความถี่ที่นิยมนำมาใช้ส่งคลื่นโทรทัศน์ คือ คลื่น VHF (30 - 300 MHz) และคลื่น UHF (300 - 3 GHz)คลื่นไมโครเวฟ สามารถส่งสัญญาณได้ไกล 20 ไมล์ ถ้าต้องการส่งข้อมูลให้ไกลออกไป จําเป็นต้องมี จานรับส่งที่ทําหน้าที่ทวนสัญญาณเพื่อส่งต่อในระยะไกลออกไป
ข้อเสียคือ ถูกรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ง่าย และสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อระบบการสื่อสารข้อจํากัดด้านภูมิประเทศที่มีภูเขาบดบังสัญญาณ และความโค้งของเปลือกโลก


ข้อดี

-ใช้ในพื้นที่ซึ่งการเดินสายกระทำได้ไม่สะดวก
-ราคาถูกกว่าสายใยแก้วนำแสงและดาวเทียม
-ติดตั้งง่ายกว่าสายใยแก้วนำแสงและดาวเทียม
-อัตราการส่งข้อมูลสูง

ข้อเสีย

-สัญญาณจะถูกรบกวนได้ง่ายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากธรรมชาติ เช่น พายุ หรือฟ้าผ่า

3. อินฟราเรด (Infrared)

     แสงอินฟราเรด เป็นคลื่นความถี่สั้น เป็นตัวกลางในการสื่อสารอีกแบบหนึ่งซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้ายไมโครเวฟ เป็นแสงที่มีทิศทางในระดับสายตา ไม่สามารถทะลุผ่านวัตถุทึบแสงได้ นิยมใช้ในการติดต่อในระยะทางที่ใกล้ๆมักใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างตัวส่งและตัวรักสัญญาณ

ข้อดี

-ใช้พลังงานน้อย
-ราคาถูกและเรียบง่ายต่อการติดตั้ง
-มีความปลอยภัยของข้อมูลสูง
-คลื่นแทรกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใกลเคียงมีน้อย

ข้อเสีย

-เครื่องส่งและเครื่องรับ ต้องอยู่ในแนวเดียวกัน
-ระยะทางของการสื่อสารน้อย
-ห้ามมีสิ่งกีดขวางระหว่างสัญญาณ

4.บลูทูธ (Bluetooth)

     คือ ระบบการสื่อสารของอุปกรณ์อิเล็กโทนิคแบบสองทาง ที่ใช้เทคนิคการส่งคลื่นวิทยุระยะสั้น (Short-Range Radio Links) เป็น สื่อกลางในการติดต่อสื่อสาร ระหว่างอุปกรณ์ต่างชนิดกัน โดยปราศจากการใช้สายเคเบิ้ล หรือ สายสัญญาณเชื่อมต่อ และไม่จำเป็นต้องใช้การเดินทางแบบเส้นตรงเหมือนกับอินฟราเรด

ข้อดี

-ง่ายต่อการถ่ายโอนข้อมูล
-ประหยัดค่าใช้จ่าย
-ไม่ต้องส่งสัญญาณเปนเส้นทรง 

ข้อเสีย

-ข้อมูลทางบลูทูธอาจเกิดการดักจับได้


5.ดาวเทียมสื่อสาร (Astilite)

     พัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสถานีรักส่งไมโครเวฟบนผิวโลกโดนเป็นสถานีรับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ ในการส่งสัญญาณต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมที่โคจรอยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 35,600 กิโลเมตร ดังรูปที่ 4.18 โดนดาวเทียมเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ด้วยคามเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก จึงเสมือนกับดาวเทียมนั้นอยู่นิ่งกับที่ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง ทำให้การส่งสัญญาณไมโครเวฟจากสถานีหนึ่งขึ้นไปบนดาวเทียม และการกระจายสัญญาณจากดาวเทียมลงมายังสถานีตามจุดต่างๆ บนผิวโลก เป็นไปอย่างแม่นยำ



ข้อดี

-ส่งสัญญาณในวงกว้างและไกล
- ค่าใช้จ่ายในการให้บริการส่งข้อมูลของระบบดาวเทียมไม่ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ห่างกันของสถานีพื้นดิน

ข้อเสีย

-มีเวลาหน่วง (Delay Time) ในการส่งสัญญาณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หน่วยที่ 1 ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ

ระบบสารสนเทศ      ระบบสารสนเทศ (Information Systems) คือ กระบวนการรวบรวม บันทึก ประมวลผลข้อให้เป็นสารสนเทศ และแจกจ่ายสารสนเทศเพื่อใช้ใ...