วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คำถามท้ายหน่วยที่ 2 ช่องทางการสื่อสารและส่วนประกอบของเครือข่าย

1.สื่อกลางส่งข้อมูลชนิดใดต่อไปนี้สามารถเชื่อมโยงได้ระยะทางไกลที่สุด

   ก. สายโคแอกเชียล   
   ข. สายใยแก้วนำแสง
   ค. สายเอสทีพี
   ง. สายยูทีพี

2.การส่งสัญญาณแบบมีสายสัญญาณแบบใดที่มีความเร็วสูงสุด

   ก. สายโคแอกเซียล
   ข. สายคู่บิดเกลียว
   ค. สายใยแก้วนำแสง
   ง. สายแกนนำโลหะ

3.สื่อไร้สายข้อใดจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงที่สุด

   ก. โทรศัพท์เซลลูลาร์
   ข. ไมโครเวฟ
   ค. ดาวเทียม 
   ง. ถูกทุกข้อ

4.สื่อไร้สายข้อใดมีความปลอดภัยต่อการดักจับข้อมูล

   ก. คลื่นวิทยุ
   ข. บลูธูท
   ค. ไมโครเวฟ
   ง. อินฟราเรด

5.บลูทูธ (bluetooth) เป็นเทคโนโลยีสื่อสารที่อาศัยสื่อกลางไร้สายในข้อใด

   ก. คลื่นวิทยุ
   ข. ดาวเทียม
   ค. อินฟราเรด 
   ง. ไมโครเวฟ

6.ช่วงความถี่ของคลื่นไมโครเวฟ(Microwave) คือข้อใด

   ก. 1- 350 GHz
   ข. 1- 300 GHz
   ค. 1- 250 GHz
   ง. 1- 200 GHz

7.อินฟราเรด (Infrared) มีลักษณะการทำงานคล้ายกับอะไร

   ก. คลื่นวิทยุ (Radio waves)
   ข. บลูทูธ (bluetooth)
   ค. ดาวเทียมสื่อสาร (Astilite)
   ง. ไมโครเวฟ(Microwave)

8.คลื่นวิทยุ (Radio waves)คลื่นวิทยุมีช่วงความถี่เท่าใด

   ก. 1 KHz - 1 GHz
   ข. 2 KHz - 1 GHz
   ค. 3 KHz - 1 GHz
   ง. 4 KHz - 1 GHz

9.ดาวเทียมสื่อสาร (Astilite) โคจรอยู่สูงจากพื้นโลกกี่กิโลเมตร

   ก. 32,600 กิโลเมตร
   ข. 33,600 กิโลเมตร
   ค. 34,600 กิโลเมตร
   ง. 35,600 กิโลเมตร

10.ดาวเทียมสื่อสาร (Astilite) ส่งคลื่นใดสู่ผิวโลก

   ก. คลื่นวิทยุ (Radio waves)
   ข. ไมโครเวฟ(Microwave)
   ค. บลูทูธ (bluetooth)
   ง. ดาวเทียมสื่อสาร (Astilite)


เฉลย

1. ก. สายโคแอกเชียล
2. ค. สายใยแก้วนำแสง
3. ค. ดาวเทียม
4. ง. อินฟราเรด
5. ก. คลื่นวิทยุ
6. ข.1- 300 GHz
7. ง.ไมโครเวฟ(Microwave)
8. ค.3 KHz - 1 GHz
9. ง.35,600 กิโลเมตร
10. ข.ไมโครเวฟ(Microwave) 

วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บทที่ 2 ช่องทางการสื่อสารและส่วนประกอบของเครือข่าย

สื่อกลางส่งข้อมูลแบบใช้สาย

1. สายคู่บิดเกลียว

     สายคู่บิดเกลียวแต่ละประเภทจะมีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณแตกต่างกันออกไป
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.1 สายคู่บิดเกลียวแบบหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) 

เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยลวดถักชั้นนอกที่หนาอีกชั้น เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า นิยมนำมาใช้เป็นสายโทรศัพท์




ข้อดี

– ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่าแบบไม่หุ้มฉนวน
– ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นวิทยุ

ข้อเสีย

– มีขนาดใหญ่และไม่ค่อยยืดหยุ่นในการงอพับสายมากนัก
– ราคาแพงกว่าสาย แบบไม่หุ้มฉนวน

1.2 สายคู่บิดเกลียวแบบไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP)

เป็น สายคู่บิดเกลียวมีฉนวนชั้นนอกที่บางอีกชั้นทำให้สะดวกในการโค้งงอแต่ไม่สามารถป้องกันคลื่นรบกวนของแม่เหล็กได้ หรือป้องกันได้น้อย เพราะมีราคาต่ำ จึงนิยมใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือข่าย



ข้อดี

- ราคาถูก
- ติดตั้งง่ายเนื่องจากน้ำหนักเบา
- มีความยืดหยุ่น และสามารถโค้งงอได้มาก

ข้อเสีย

-ไม่เหมาะกับการเชื่อมต่อระยะไกล เพราะสัญญานจะถูกรบกวนและทำให้ช้าลง
(ความยาวไม่ควรเกิน 100 เมตร )


2. สายโคแอกเชียล (coaxial)

     สายโคแอกเชียลที่ใช้ทั่วไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทัล และชนิด 75 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูล สัญญาณแอนะล็อกสายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นที่หุ้มด้วยฉนวนชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันกระแสไฟรั่วจากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจากลวดทองแดงถักเป็นเปีย เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวนพลาสติกลวดทองแดงที่ถักเป็นเปียนี้เองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สายแบบนี้มีช่วงความถี่สัญญาณไฟฟ้าสามารถ ผ่านได้สูงมาก และนิยมใช้เป็นช่องสื่อสารสัญญาณแอนะล็อก เชื่องโยงผ่านใต้ทะเลและใต้ดิน

ข้อดี

-ราคาถูก
-มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
-ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา

ข้อเสีย

-ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย 
-ระยะทางจำกัด



3. เส้นใยแก้วนำแสง (Fiber Optic)

     เส้นใยแก้วนำแสงจะประกอบด้วยใยแก้วที่ทำมาจากแก้วซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงมาก เส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะเป็นเส้นยาวขนาดเล็ก มีขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์เรา เส้นใยแก้วนำแสงที่ดีต้องสามารถนำสัญญาณแสงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ โดยมีการสูญเสียของสัญญาณแสงน้อยมาก หรือบางทีก็ใช้พลาสติกอยู่ตรงกลางของสาย และใช้ใยแก้วอีกชนิดหนึ่งเป็น ตัวหุ้ม (cladding) และ หุ้มด้วยฉนวนในชั้นนอกสุด ซึ่งใยแก้วชั้นนอกจะทำหน้าที่เหมือนกระจกที่สะท้อนสัญญาณแสงให้สะท้อนไปมา ภายในใยแก้วที่เป็นแกนกลางจากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดปลายทาง สายใยแก้วจะมีแบนด์วิธที่กว้างมาก ทำให้สามารถส่งข้อมูลปริมาณมากได้ด้วยความเร็วสูงความเร็วในการส่งข้อมูล 1 Gbps ระยะทางในการส่งข้อมูล 20-30 mile(1ไมล์=1.609344) หรือประมาณ 1.61 กิโลเมตร เส้นใยแก้วนำแสงรองรับความถี่สัญญาณได้หลายร้อยเมกะเฮิรตซ์ และยังใช้ได้กับความยาวถึง 2000 เมตร


ข้อดี

-ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
-ไม่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า
-ส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก

ข้อเสีย

-มีราคาแพงกว่าสายส่งข้อมูลแบบสายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
-ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
-มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่า สายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล


สื่อกลางส่งข้อมูลแบบไร้สาย

1. คลื่นวิทยุ (Radio waves)

     คลื่นวิทยุหรือ เรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า คลื่นพาหะ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงความถี่วิทยุบนเส้นสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นวิทยุไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ใช้ในการสื่อสารมี 2 ระบบคือ A.M. และ F.M. คลื่นเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง ซึ่งมีคุณสมบัติกระจายไปได้เป็นระยะทางไกล ด้วยความเร็วเท่ากับแสงคือ 300 ล้านเมตรต่อวินาทีเครื่องส่งวิทยุจะทำหน้าที่สร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงหรือคลื่นวิทยุ (RF) ผสมกับคลื่นเสียง (Audio Frequency -AF) แล้วส่งกระจายออกไป คลื่นวิทยุมีช่วงความถี่อยู่ที่ 3 KHz - 1 GHz

ข้อดี

-สามารถส่งข้อมุลได้แบบไร้สายสร้างเครือข่ายได้ไกล

ข้อเสีย

-คลื่นวิทยุอาจถูกรบกวนได้
-แม่เหล็กไฟฟ้าและสภาพอากาศมีผลต่อคลื่นวิทยุ

2.คลื่นไมโครเวฟ (Microwave)

     มีช่วงความถี่ตั้งแต่ 1- 300 GHz เป็นช่วงความถี่ของคลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟ โดยคลื่นสามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศไปยังนอกโลกสำหรับช่วงความถี่ที่นิยมนำมาใช้ส่งคลื่นโทรทัศน์ คือ คลื่น VHF (30 - 300 MHz) และคลื่น UHF (300 - 3 GHz)คลื่นไมโครเวฟ สามารถส่งสัญญาณได้ไกล 20 ไมล์ ถ้าต้องการส่งข้อมูลให้ไกลออกไป จําเป็นต้องมี จานรับส่งที่ทําหน้าที่ทวนสัญญาณเพื่อส่งต่อในระยะไกลออกไป
ข้อเสียคือ ถูกรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ง่าย และสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อระบบการสื่อสารข้อจํากัดด้านภูมิประเทศที่มีภูเขาบดบังสัญญาณ และความโค้งของเปลือกโลก


ข้อดี

-ใช้ในพื้นที่ซึ่งการเดินสายกระทำได้ไม่สะดวก
-ราคาถูกกว่าสายใยแก้วนำแสงและดาวเทียม
-ติดตั้งง่ายกว่าสายใยแก้วนำแสงและดาวเทียม
-อัตราการส่งข้อมูลสูง

ข้อเสีย

-สัญญาณจะถูกรบกวนได้ง่ายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากธรรมชาติ เช่น พายุ หรือฟ้าผ่า

3. อินฟราเรด (Infrared)

     แสงอินฟราเรด เป็นคลื่นความถี่สั้น เป็นตัวกลางในการสื่อสารอีกแบบหนึ่งซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้ายไมโครเวฟ เป็นแสงที่มีทิศทางในระดับสายตา ไม่สามารถทะลุผ่านวัตถุทึบแสงได้ นิยมใช้ในการติดต่อในระยะทางที่ใกล้ๆมักใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างตัวส่งและตัวรักสัญญาณ

ข้อดี

-ใช้พลังงานน้อย
-ราคาถูกและเรียบง่ายต่อการติดตั้ง
-มีความปลอยภัยของข้อมูลสูง
-คลื่นแทรกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใกลเคียงมีน้อย

ข้อเสีย

-เครื่องส่งและเครื่องรับ ต้องอยู่ในแนวเดียวกัน
-ระยะทางของการสื่อสารน้อย
-ห้ามมีสิ่งกีดขวางระหว่างสัญญาณ

4.บลูทูธ (Bluetooth)

     คือ ระบบการสื่อสารของอุปกรณ์อิเล็กโทนิคแบบสองทาง ที่ใช้เทคนิคการส่งคลื่นวิทยุระยะสั้น (Short-Range Radio Links) เป็น สื่อกลางในการติดต่อสื่อสาร ระหว่างอุปกรณ์ต่างชนิดกัน โดยปราศจากการใช้สายเคเบิ้ล หรือ สายสัญญาณเชื่อมต่อ และไม่จำเป็นต้องใช้การเดินทางแบบเส้นตรงเหมือนกับอินฟราเรด

ข้อดี

-ง่ายต่อการถ่ายโอนข้อมูล
-ประหยัดค่าใช้จ่าย
-ไม่ต้องส่งสัญญาณเปนเส้นทรง 

ข้อเสีย

-ข้อมูลทางบลูทูธอาจเกิดการดักจับได้


5.ดาวเทียมสื่อสาร (Astilite)

     พัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสถานีรักส่งไมโครเวฟบนผิวโลกโดนเป็นสถานีรับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ ในการส่งสัญญาณต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมที่โคจรอยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 35,600 กิโลเมตร ดังรูปที่ 4.18 โดนดาวเทียมเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ด้วยคามเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก จึงเสมือนกับดาวเทียมนั้นอยู่นิ่งกับที่ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง ทำให้การส่งสัญญาณไมโครเวฟจากสถานีหนึ่งขึ้นไปบนดาวเทียม และการกระจายสัญญาณจากดาวเทียมลงมายังสถานีตามจุดต่างๆ บนผิวโลก เป็นไปอย่างแม่นยำ



ข้อดี

-ส่งสัญญาณในวงกว้างและไกล
- ค่าใช้จ่ายในการให้บริการส่งข้อมูลของระบบดาวเทียมไม่ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ห่างกันของสถานีพื้นดิน

ข้อเสีย

-มีเวลาหน่วง (Delay Time) ในการส่งสัญญาณ

หน่วยที่ 1 ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ

ระบบสารสนเทศ      ระบบสารสนเทศ (Information Systems) คือ กระบวนการรวบรวม บันทึก ประมวลผลข้อให้เป็นสารสนเทศ และแจกจ่ายสารสนเทศเพื่อใช้ใ...